รวมกลอนฉันทลักษณ์ มากมายเช่น กาพย์ยานี,ฉันท์,โคลงสี่สุภาพ,กลอนแปด เฉพาะที่ผ่านการคัดเลือกมาแล้ว ให้เลือกชม
๐๐ราตรีที่เนิ่นนานรัตติกาลที่ยาวไกล
ฉุดลากกระชากใจให้หวั่นไหวในเอกา
น้ำตาเริ่มท่วมท้นความหมองหม่นยลเยือนหา
อ้างว้างค้างดวงหน้าดั่งเมฆาพร่าดวงเดือน
๐๐ยามร้างห่างไกลรักอกกระอักจักย้ำเตือน
ตอกซ้ำความปนเปื้อนกระจายเกลื่อนเคลื่อนในทรวง
ความท้อความถดถอยทีละน้อยค่อยคืบล่วง
ให้รักหักทั้งดวงเช่นสายบ่วงควงบาดคา
๐๐มองดาวเหมาทึกทักว่าเราจักเอื้อมไขว่คว้า
แท้จริงสิ่งลวงตาแค่มายาล่อลวงจินต์
ทำได้เพียงแค่มองกับเสียงร้องก้องถวิล
ยามใจใกล้ดับสิ้นไร้แม้กลิ่นรักอาวรณ์
๐๐สุดท้ายเหลือเพียงฝันเฝ้ารำพันปั้นหลอกหลอน
ขาดทรวงห่วงอาทรพาริดรอนก่อนจากจาง
ฝากดาวแลเดือนจ้าเก็บน้ำตาคราอ้างว้าง
ให้คนเคยเคียงข้างที่ทิ้งขว้างอย่างเย็นชา....
(เมฆา :klonthaiclub.com)
สองมือเลี้ยงลูกมา หวังแค่ว่าเป็นคนดี
สองมือที่คอยตี อยากให้ดีอยากให้จำ
สองมือที่ส่งเสีย ให้ได้เรียนมีงานทำ
สองมือที่เฝ้าค้ำ ลูกจะจำจะใส่ใจ
รักแม่เท่ากับฟ้า รักยิ่งกว่าการบินไทย
รักแม่สุดหัวใจ ไม่มีใครมาเทียบได้
รักแม่กว่าชีวิต ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนใจ
รักแม่กว่าใครๆ ทั้งหัวใจมอบให้แม่
(Justin: http://poem.meemodel.com)
ฮยอกแจเป็นดั่งดาวสุกสกาวในความฝัน
ทอแสงดั่งดวงจันทร์ที่ฉันนั้นอยากได้เจอ
หากวันใดได้พบที่ประสบคงพร่ำเพ้อ
ฉันคงหลงละเมออยากเจอเธออยู่ร่ำไป
ทั้งโลกดูสดใสเมื่อหัวใจมีซองมิน
น่ารักเป็นอาจิณอยากเจอมินอยู่ร่ำไป
ท่าทางเขาน่ารักใครก็มักอยากอยู่ใกล้
มองเขาแล้วสดใสโลกทั้งใบสีชมพู
ซูพอจูนีออใครกันหนอขรึมหนักหนา
แก้มป่องทุกเวลาอยู่เมกามาห้าปี
กลับมาเกาหลีใต้เพื่อนคนใหม่ขึ้นต้น'ฮี'
รู้ไหมเขาคนนี้คือคนที่ชอบคิบอม
ฝูงลิงทั้งสิบสามมีสีครามประจำวง
น่ารักและซื่อตรงใครเห็นคงหลงละเมอ
พวกเขาชอบซุกซนวิ่งวุ่นจนแฟนคลับเบลอ
แต่ฉันก็ยังเผลอคิดถึงเธอทุกเวลา
การเที่ยวยามค่ำคืนคือการยืนมองท้องฟ้า
มองดูเหล่าดาราเพื่อเตือนว่าฉันเป็นใคร
เป็นเพียงจุดน้อยน้อยที่ไม่ด้อยไปกว่าใคร
และอยากเก็บหัวใจของเธอไว้ตลอดกาล
สตรีคือศัตรู เหล่าริปูผองไพรินทร์
คราใดบุรุษกิน สราลับกับข้าวหาย
ทั้งที่เธอมิดื่ม แต่ปลาบปลื้มมิรู้วาย
แหมถั่วมั่วสบาย มิขาดสายขบเคี้ยวกลืน
ซดเหล้าโดยเปล่าดาย แสนระคายจนสุดฝืน
โซดาคือตัวยืน กับข้าวอื่นก็หมดไป
ผัดเผ็ดรสเด็ดขาด น่าอนาถเธอกินได้
น้ำแข็งสิถังใหญ่ เธอเคี้ยวเล่นเป็นความเพลิน
โอ้โอ๋ อนิจจา ช้ำอุรา ข้าเหลือเกิน
จนสุดจะสรรเสริญ เสนอพจน์รจนา
คราใดเข้าวงเหล้า เธอก็เฝ้าจำนรรจา
ปากพูดและมือคว้า แม้ปลาร้าก็ตัดชิม
จึงควรจะสังเวช เรอทุเรศเมื่อเธออิ่ม
เมากับสลับยิ้ม ขณะชายระคายเคือง
อิ่มเหล้าแต่หิวข้าว อุระร้าวเพราะหมดเปลือง
ท้องนางขนาดเขื่อง บรรจุหมดกำสรดตรม
สตรีคือศัตรู บุรุษรู้มิชื่นชม
อกไหม้และไส้ขม มิจ่ายตังค์นั่งคอเอียง
จำไว้ บุรุษเอ๋ย จงละเลยและบ่ายเบี่ยง
ชวนไปก็ได้เพียง แค่เพื่อนกินสิ้นโศกเอย
ศุภฤกษ์ ดิถี ขึ้นปีใหม่
พรอันใด เป็นมงคล ดลสุขี
มอบแด่กัน ด้วยใจรัก และภักดี
ได้ปราณี เมตตา เผื่อแผ่กัน
ปีใหม่นี้ ขอให้ดี กว่าปีเก่า
เรื่องทุกข์เศร้า โศกใด ให้เปลี่ยนผัน
ทำแต่ดี ย่อมนำสุข ทุกคืนวัน
ขอท่านนั้น นิรทุกข์ สุขเปรมปรีดิ์
ขออำนาจ คุณพระศรี รัตนตรัย
ทวยเทพไท้ สถิตย์ใน ไตรโลกนี้
ดลบันดาล พรทั้งปวง ประเสริฐมี
ทุกสิ่งที่ ได้คิด สัมฤทธิ์ตาม
ให้เกษม เปรมปรีดา นำพาสุข
ทั้งความทุกข์ โรคภัย อย่าได้ถาม
ประสบสิ่ง มิ่งมลคล ทุกเขตคาม
มีแต่ความ สุขสวัสดิ์ พิพัฒน์เทอญ
…วันเวลาผ่านไปช้าช้า
ปีเก่ากำลังจะลับลา….หลบหาย
ปีใหม่ผ่านเข้ามา…ถึงเวลาก้าวต่อไป
ทิ้งคืนวันฝันร้าย…เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกปี
…ปีใหม่เริ่มแล้วนะ….
ปรับปรุงตัวได้แล้วล่ะ….ตอนนี้
สิ่งใดที่พลาดผิด…ก็ลบออกจากชีวิต..เสียที
ไหนไหนก็ปีใหม่แล้วนี่…มาเริ่มต้นสิ่งดีๆ…นะเออ
….หากคิดหวังกับสิ่งใด…
ขอให้ได้สมใจ…เธอเสมอ
มีรักให้สมรัก…ที่ต้องพลัดพราก…ให้พบเจอ
ใครแอบรักแอบละเมอ…ขอให้เธอ สมใจ…
…วันเวลาต่อจากนี้…
ขอให้เจอแต่สิ่งดี….ไม่ห่างหาย
ให้สุขภาพแข็งแรง…หัวใจเข้มแข็ง…เกินใคร
สวัสดีวันปีใหม่…ขอให้ชีวิตเธอมีความหมาย…ทุกวัน…
(ฌลา: klonthaiclub.com)
อรุณฤกษ์เบิกฟ้าคราปีใหม่
ยิ้มสดใสเริงร่าฝ่าภัยผอง
อธิษฐานจิตให้ไทยเรืองรอง
สิ่งมัวหมองหมดสิ้นจากถิ่นไทย
วอนไตรรัตน์บันดาลประสานสุข
ผู้คนทุกหมู่เหล่าต่างสดใส
ไร้ระแวงแบ่งสรรปันน้ำใจ
ต่างรักใคร่สามัคคีมีเมตตา
ทุกปัญหาคลี่คลายสลายสิ้น
ทุกแดนดินเข้าใจไร้กังขา
ต่างร่วมใจเป็นหนึ่งพึ่งธรรมา
ใช้ปัญญาพินิจคิดปรองดอง
อรุณฤกษ์เบิกฟ้าคราปีใหม่
รวมดวงใจทุกดวงห่วงไทยผอง
ฟ้าแรกเริ่มอรุณอุ่นสีทอง
อาบใจผ่องทั่วไทยปีใหม่เทอญ..
(ป้ากันนา : klonthaiclub.com)