เปลวเทียนค่อย ๆ หมดไป แต่เหงาในใจกลับเติมเต็ม

นั่งมองเปลวเทียน
ที่มันลุกเวียนมอดไหม้
เป็นความเงียบเหงาของแสงไฟ
ซึ่งไม่มีใครแลเห็นมัน
หัวใจกับเปลวเทียน
จึงเวียนกันแอบร้องไห้
เปลวเทียนค่อย ๆ หมดไป
แต่เหงาในใจกลับเติมเต็ม

ดอกคูณร่วงลงแล้วอย่างแผ่วเบา เจ็บและเศร้า..หัวใจเอย..ไม่เคยลืม

ดอกคูณคูณดอกอยู่เต็มต้น
เหมือนแกล้งคูณความหมองหม่นให้คนผิด
คูณอาทรห่วงหาเป็นยาพิษ
ฆ่าให้ตายทีละนิดทีละนิดเมื่อคิดถึง
–  –  –  –  –  –
เป็นความจริงที่เหมือนฝันอันยิ่งใหญ่
เธอผ่านมาให้ผูกพันในวันหนึ่ง
คนหัวใจแตกหักได้พักพึ่ง
และซึมซับความซาบซึ้งซึ่งห่วงใย
–  –  –  –  –  –
เธอให้..ให้และให้เกินใจคาด
จนฉันขลาดที่จะรับกับการให้
อาจเป็นคนว่างเปล่าเหงาเกินไป
จึงไม่มีอะไรจะให้แทน
–  –  –  –  –  –
กลัวเหลือเกินกลัวเธอผิดหวัง
จึงต้องสั่งหัวใจให้หนักแน่น
ด้วยความดีที่ปรากฎยากทดแทน
ความอบอุ่นก็มากแสนแห่งราคา
–  –  –  –  –  –
สุดท้ายยังซ่อนเร้นความเป็นฉัน
เหมือนไม่เห็นความผูกพันอันมากค่า
ค่อย ๆ เดินออกห่างอย่างช้า ๆ
ปล่อยน้ำตาให้รินไหลอย่างเบา ๆ
–  –  –  –  –  –
เพราะรักมากจึงเงียบหายเหมือนตายจาก
แม้ใจอยากจะมาหาเวลาเหงา
ดอกคูณร่วงลงแล้วอย่างแผ่วเบา
เจ็บและเศร้า..หัวใจเอย..ไม่เคยลืม

ถ้าคืนนี้ส่งความคิดถึงกลับขอให้หลับฝันดี

ถ้าอ่านหนังสือตอนนี้ขอให้ได้เกรด A
ถ้าเป็นเด็กเกเรขอให้ตุ๊กแกกินตับ
ถ้าไม่คิดถึงกันขอให้คืนนี้นอนไม่หลับ
ถ้าคืนนี้ส่งความคิดถึงกลับขอให้หลับฝันดี

เก็บรูปถ่ายฉันไว้ วันนี้อาจดูไม่มีอะไร

เก็บรูปถ่ายฉันไว้
วันนี้อาจดูไม่มีอะไร แต่จะมีประโยชน์ในวันหน้า
เผื่อฉันได้ไปเป็นนางงามจักรวาลขึ้นมา
เธอจะได้ไม่ลืมไงว่า นางงามจักรวาลคนนั้นน่ะ
…แฟนของเธอ…

แววตาฉายความกะล่อนขนาดนั้น ฉันขอบาย

ผู้ชายซื่อๆ ใสๆ
ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใครคนอื่นเค้า
ยิ้มง่าย มองโลกในแง่ดี และเป็นสุภาพบุรุษไม่เบา
นี่แหละคือเค้า…คนที่ฉันเลือกมารักกัน
ส่วนเธอ…ผู้ชายเจ้าเล่ห์
อย่าริมาบริหารเสน่ห์กับฉัน
บอกเลยว่าไม่ใช่สเปกอย่าเสียเวลาเลยแล้วกัน
แววตาฉายความกะล่อนขนาดนั้น ฉันขอบาย

เพียงออ

…เพียงลมโบก…พัดเบา…ให้เหงาจิต…
…ใบไม้ปลิด…ปลิวร่อน…ลงจากก้าน…
…ไผ่ต้นน้อย…ลู่ตาม…อย่างสุดทาน…
…เอนเอียงตาม…ลมผ่าน…ทุกคราไป…

…บางครั้งก่อ…กำเนิด…ให้เกิดเสียง…
…สายลมเพียง…พัดใบ…ให้โบกไหว…
…ชวนใจเศร้า…โศกศัลย์…ถึงคนไกล…
…ว่าวันใด…จึงได้…เธอกลับคืน…

…พายุพัด…กระหน่ำ…ซ้ำลมซัด…
…ต้นไผ่ฤๅ…ยืนหยัด…ไม่อาจฝืน…
…หักลงมา…สู่ดิน…ดั่งกองฟืน…
…ก้มหยิบไม้…จากพื้น…ทั้งน้ำตา…

…นำมาเหลา…ให้เรียบ…ดูงามสวย…
…เจาะรูด้วย…ความคิด…คำนึงหา…
…เสียงจากไม้…เคยเศร้า…เหงาอุรา…
…วันนี้มา…เถิดฉัน…จะเป่าแทน…

…หวังให้เสียง…ขลุ่ยครวญ…ลอยไปถึง…
…ใครคนหนึ่ง…ซึ่งฉัน…เฝ้าหวงแหน…
…เมื่อเราอยู่…ต่างภพ…จบดินแดน…
…ปรารถนา…เหลือแสน…จะพบกัน…

…หากวันใด…ได้ยิน…เพลงขลุ่ยผิว…
…แว่วข้ามทิว…เขาสูง…ดุจความฝัน…
…นั่นคือความ…ในใจ…นับร้อยพัน…
…ที่ตัวฉัน…ส่งผ่าน…มากับลม…

(Alpha บ้านกลอนไทย)