น้ำตาหัวใจไทยทั้งแผ่นดิน

สามัคคี มีมา เมื่อคราก่อน
ความอาทร อ่อนหวาน ของการให้
พร้อมรอยยิ้ม อิ่มอุ่น ละมุนใจ
คือเนื้อใน ไทยแท้ ตั้งแต่กาล

ประเพณี ดีงาม สยามนั้น
ระบือลั่น กันไป คนไขขาน
วัฒนธรรม ล้ำค่า แต่ช้านาน
คนโบราณ ท่านสร้าง เส้นทางไทย

อยู่ร่มเย็น เป็นสุข ทุกค่ำเช้า
ลืมความเหงา เศร้าหมอง แสนผ่องใส
หลายภาคส่วน ล้วนเสริม เติมห่วงใย
เลื่องลือไกล ไปถึง ซึ่งต่างแดน

ภาพวันวาน ผ่านไป อาลัยหา
เกิดเข่นฆ่า อาสัญ หั่นขาแขน
ตัดขาดรัก หักหาญ ผลาญเมืองแมน
ทั่วเขตแคว้น แน่นอก นรกครอง

เพียงน้ำผึ้ง หนึ่งหยด ราดรดใส่
หลงผิดใหญ่ ใฝ่ฝัน กันทั้งผอง
เป็นชนวน ป่วนเมือง ที่เรืองรอง
เหลือเพียงกอง ของซาก เกิดจากไฟ

ความบอบช้ำ ย้ำเตือน เหล่าเพื่อนพี่
หยุดเสียที สีต่าง แบ่งข้างไหน
เราพ่ายแพ้ แก่โลก โศกกว่าใคร
น้ำตาใจ ไหลนอง กองแผ่นดิน

มหาซัง (กลอนชนะเลิศ พ.ค.53)

เสียงร้อง…ของแผ่นดิน

๐ แผ่นดินเอื้อนเตือนย้ำ ความจำเจ็บ
จึงต้องเหน็บ เก็บไว้ มิให้เผย
มัดในห้วง ดวงจินต์ทั้งสิ้นเลย
มิให้เปรย เอ่ยออก ไปบอกใคร

๐ แต่คืน-วัน ผันผ่าน ร้าวรานหนัก
ให้ที่กัก ทะลักเทพัดเพไหล
สาดความจำ ช้ำชอก จากซอกใจ
ออกมาไห้ โหยหวนเสียงครวญคราง

๐ ด้วยศึกในไล่ตี…แบ่งสีเสื้อ
เคยช่วยเหลือ เกื้อกัน พลันเหินห่าง
มิตรภาพ อาบทามาซาจาง
ถือบาดหมาง อ้างสิทธิ์ ความคิดตัว

๐ ศึกไกลก็ ส่อว่า จะมาใกล้
ชายแดนไทย ไอเศร้าคลุกเคล้าทั่ว
ปราสาทฯเรา เขาครอง สุดหมองมัว
ละเลงรัว รอยช้ำยากอำลา

๐ เสียงดินโหย โรยแรงแจกแจงโศก
ทุกข์โบยโบกโกรกเป่า พัดเข้าหา
หรือจะให้ ไทยสิ้นกินน้ำตา
ค่อยกลับมา สามัคคี…..เสื้อสีเดียว

(นะโม กลอนชนะเลิศ ก.พ.53)

ร้อยเรียงรักเรา

ร้อยเรียงคำเป็นกลอนไหว้วอนให้
ร้อยหัวใจรักร่วมกับความฝัน
ร้อยรักแห่งใจรักประสานกัน
ร้อยความคิดมุ่งมั่นเพื่อชาติไทย

รักยิ่งใหญ่คือรักแท้ที่แน่นัก
รักที่ดีได้ประจักษ์คือการให้
รักร่วมมือร่วมแรงและร่วมใจ
รักใดใดหรือเท่ารักสามัคคี

ดวงใจรักเรียงร้อยในถ้อยกล่าว
ดวงใจชาวไทยร่วมไม่แบ่งสี
ดวงจิตนั้นปันรักด้วยไมตรี
ดวงใจนี้คือรักตลอดกาล

ใจภักดีต่อชาติศาสน์กษัตริย์
ใจซื่อสัตย์มีรักสมัครสมาน
ใจร่วมใจร่วมสู่ปณิธาน
เราและท่านร้อยใจเพื่อไทยของเรา…

แมวเหมียว (กลอนชนะเลิศ ต.ค.52)

ร้อยรักร้อยดวงใจ เทิดไท้องค์ราชัน

แผ่นดินทองรองเรืองดั่งเมืองฟ้า พร้อมน้ำท่าพืชพันธุ์ตระการผล เศรษฐกิจเพียงพอหล่อบันดล ชุบชีพชนยากไร้ให้หยัดยืนด้วยพระบารมีจักรีวงศ์ จึ่งธำรงแดนทองทั่วแผ่นผืน ยอกรเหนือเกศาขอบตารื้น ด้วยเต็มตื้นตันใจ ยามเอ่ยพระนาม

ร้อยรักร้อยดวงใจไทยทั้งชาติ
เทิด ธ มหาราช ชาติสยาม
ทรงเป็นศูนย์รวมใจไทยทุกยาม
ถวายความภักดีเหนือชีวัน.

กชนันท์ (รองชนะเลิศประกวดกลอน ต.ค.52)

ร้อยรักผ่านบทกลอน

…ร้อยเรียงเรื่องราว…
ฝากไปกับดวงดาว….ให้เธอรับรู้
คิดถึงรู้ไหม…แม้ห่างไกลเกินเฝ้าดู
ทุกลมหายใจที่มีอยู่….อยากให้รับรู้..เป็นของเธอ

…ร้อยรักดวงใจ…
ฝากฟากฟ้าไกล….ให้เธอเสมอ
แม้ห่างสุดสายตา…ไม่อาจพบหรือว่า..ได้เจอ
ยังคงคิดถึงเสมอ…และมีเพียงแต่เธอในใจ

…ร้อยรักผ่านบทกลอน…
ฝากถ้อยคำมาอ้อนวอน…อย่าหวั่นไหว
ฟากฟ้ากั้นเราห่าง…ระยะทาง…อาจเหมือนไกล
เพียงร้อยรักผ่านดวงใจ….ก็เหมือนใกล้…ไม่ห่างกัน

ฌลา (กลอนประกวดเดือน ต.ค.2552)

กระจกเงา

กระจกเงา…สะท้อน…ความเป็นจริง
เรื่องทุกสิ่ง…ชัดเจน…เด่นตรงหน้า
ไม่มีใคร…หลอกได้…ใต้แววตา
เลวชั่วช้า…ต่ำทราม…ตามใจตน

หลอกใคร – ใคร…หลอกได้…หลอกไปเถิด
อย่าเตลิด…หลอกตัว…มัวหมองหม่น
หลอกใคร – ใคร…หลอกได้…เว้นใจตน
เกิดเป็นคน…เลว – ดี…อยู่ที่ใจ

การกระทำ…เปรียบดั่ง…กระจกเงา
ฉายสะท้อน…ความเขลา…ของเราได้
คนคิดดี…ทำดี…ที่จิตใจ
แสดงออก…บอกได้…ในท่าที

คนคิดชั่ว…ทำชั่ว…ด้วยตัวเขา
กระจกเงา…สะท้อน…ตอนวิถี
คนทำดี…ต้องรับ…กลับผลดี
คนชั่วไม่ -. อาจหนี…ลี้ผลกรรม

Lookaew (กลอนชนะเลิศ มิ.ย.52)

จากนี้…จนสิ้นใจ

บทกลอนนี้เพื่อเธอ
รับรู้ไว้เสมอ..ว่าเขียนเพื่อเธอรู้ไหม
ทุกครั้งที่หลับตา…หรือทุกเวลาที่หายใจ
ฉันยังคงมีเธอไว้ เป็นที่หนึ่งในใจทุกนาที

ที่นั่นสบายรึเปล่า?
คงอบอุ่นไม่เหน็บหนาวเหมือนทางนี้
รับรู้บ้างไหม…รักมากมายที่ฉันมี
ฝากฟ้าไกลบอกคนดี…ว่าคนทางนี้ห่วงใย

อย่าห่วงเลยคนดี
ฉันยังคงยินดีอยู่กับความรักที่มีรู้ไหม
แม้ความตายพรากเธอ…แต่รับรู้ไว้เสมอยังหายใจ
เพื่อรอในช่วงเวลาสุดท้าย…วันที่เราจะได้…พบกัน

หลับให้สบายนะที่รัก
แม้เธอต้องลาจาก…พรากไกลฉัน
แต่รับรู้ไว้เสมอมีเพียงเธอที่สำคัญ
เป็นที่หนึ่งในใจฉัน…จากนี้จนวันสิ้นใจ

ฌลา (กลอนรองชนะเลิศ พ.ค.52)