กลอนฉันทลักษณ์

ปรารถนาจะได้พบ..ก่อนสิ้นลมหายใจ

ในเถื่อนถ้ำง้ำเงิบใต้เทิบผา
เป็นเคหาเรือนสุขสิ้นทุกข์ถม
กลีบศรัทธาพลิ้วพรายกลางสายลม
กอปรใจบ่มวิมุติหมายหยุดกรรม

มโนน้อมแน่วนิ่งต้านสิ่งล่อ
ปลงจิตจ่อสติดำริย้ำ
พินิจสิ่งเกิดก่อล้วนข้อธรรม
แล้วน้อมนำกรองกลั่นด้วยปัญญา

ปวงกิเลสเผล็ดทุกข์รุกราญกร่อน
๕นิวรณ์ในอินทรีย์เริงรี่หา
แทบละเพียรทิ้งทางสร้างสมมา
ภาวนาบุญเข้าแบ่งเบาทัน

สมณะจึงยังเช่นครั้งผ่าน
จวบถึงวารรู้แจ้งสำแดงขันธ์
โลกิยะประดาสารพัน
ภพภูมิชั้นสังสารวัฏที่ผลัดวน

ชำระจิตสะอาดตัดชาติภพ
ขีณาสพเจริญล้ำธรรมผล
จาริกแผ่เมตตาสาธุชน
ทั่วสกลบริบูรณ์เกื้อกูลทาน

สำรวมวัตรสมณะผู้ละแล้ว
งามยิ่งแก้วมณีที่ฉายฉาน
ด้วย “โยนิโสมนสิการ”
จึงสำราญถึงพร้อมอนาลัย
(ปภัสร์ ชนะเลิศประกวดกลอน klonthaiclub.com เดือน ก.พ.55)

วันแห่งความรัก

เมื่อปีคล้อยวันเคลื่อนถึงเดือนรัก
ไม่มีสักปีไหนจะไม่หวาน
รักของเรามีแต่เพิ่มเริ่มผลิบาน
จะเปรียบปานเหมือนหนึ่งน้ำผึ้งรวง

เสียงระฆังแห่งรักจักริ้วร่าย
ส่งประกายสุขแสนจากแดนสรวง
หยาดน้ำค้างยิ้มรับกับจันทร์จวง
ดาวเด่นดวงหวานชื่นคืนฟ้าพราว

กลีบกุหลาบงามงดดูสดใส
กิ่งก้านใบเริงร่าท้าลมหนาว
กลีบดอกรักที่ปลูกสุกสกาว
ปุยเมฆขาวพร่างพรมห่มราตรี

คงไม่มีสุขใดที่ในโลก
จะสบโชคเท่าคนรักล้นปรี่
รักทำให้สดชื่นรื่นฤดี
เมื่อทุกที่มีรักประจักษ์ใจ

อยากให้โลกใบนี้มีแต่รัก
มาทายทักไม่เน้นเป็นวันไหน
มอบใจรักให้กันทุกวันไป
รัก ห่วงใย มีให้กันทุกวันมา

วาเลนไทน์ปีนี้มีสุขยิ่ง
ขอมอบสิ่งดีๆมีคุณค่า
โลกคงสุขหวานซึ้งติดตรึงตรา
รักจะพาไกลทุกข์สุขนิรันดร์
โดย:เปรียว กลอนประกวดชนะเลิศเดือน ก.พ.2555

สุข-ทุกข์-ท่วม-รวมใจไทย


ท่ามแผ่นผืน คืนวัน สรรค์ชีวิต
เราลิขิต สิทธิ์สู้ สู่จุดหมาย
ต่างเติมฝัน มั่นมุ่ง เสกรุ้งพราย
ต่างปีนป่าย สายสร้าง อย่างเสรี

มีรอยยิ้ม อิ่มอาบ ให้ซาบซึ้ง
ในคำนึง พึ่งพา ภาพวิถี
ยังอบอุ่น หนุนค่า สามัคคี
ทุกถิ่นที่ ทั้งผอง พี่น้องไทย

เช่นนี้เล่า! เก่าก่อน จะร้อนหนาว
ในเรื่องราว ลำเค็ญ เซ่น- สมัย
ป่าปิดเมือง เนืองหนุน สมดุลย์ใด
เหตุปัจจัย ให้ผืนหล้า บ่านที

โอบอุ้ม จะรุมร้าย หมายขย้ำ
โถมกระหน่ำ น้ำหลาก พรากวิถี
พลัดถิ่นฐาน โถมทุกข์ สุขเคยมี
มาบัดนี้ กี่พลีแล้ว ระทมทน

ใยแผ่นดิน ร้องไห้ เป็นสายน้ำ
ย่ำนิยาม สยามยิ้ม ลิ้มรอยหม่น
ขอวิงวอน พรจากฟ้า มาดาลดล
เภทภัยพ้น ผ่านล่วง ทั้งปวงพลัน

เถิด..อย่าท้อ รอจำนน จนใจสู้
อย่าหยุดอยู่ อย่างสิ้นหวัง นั่งหวาดหวั่น
อย่าอ่อนแอ แพ้พ่าย สิ้นสายฝัน
ยังมีวัน วาดฟ้า ดาราพราย

ปลอบโยน ยามยากไร้ ให้แรงหวัง
ให้กำลัง ยังใจอยู่ หารู้หาย
ฝ่าชะตา ท้าทน ที่ทักทาย
ผ่านภัยร้าย ได้ด้วยไทย ไม่ทิ้งกัน

แรงใฝ่ดี ที่เกื้อกูล จะพูนเพิ่ม
มาสร้างเสริม เติมใจ ไร้ขีดขั้น
ร้อยรวมไทย ด้วยหัวใจ ใฝ่ถึงกัน
ร้อยผูกพัน ผ่านลมพา..ว่าห่วงใย

(กลอนชนะเลิศการประกวดประจำเดือน พ.ย. 54 โดย “ธรรมดา” klonthaiclub.com)

พิษรัก…แรงเหงา

๑ วิเวกว้างร้างรอนซ่อนความเหงา
ฟ้าสีเทาหม่นหมองมองหวั่นหวาม
พายุใหญ่ไหวสืบคืบคุกคาม
โอนเอนตามอารมณ์ตรมติดตรึง

๒ ให้โหยหาห้วงรักพาพักจิต
คนเคยคิดคบอยู่สู่ความถึง
ร่างรอนแรมรักห่างอ้างคำนึง
ซ่านทรวงซึ้งซับอกระทกครวญ

๓ เหมือนมืดมิดหม่นหมางไร้ทางคู่
ยามยืนอยู่ยังยินเพลงพิณหวน
สั่งโศกสารสอดส่ายร่ายเรรวน
จากเจ็บจวนจำจรรอนลาไกล

๔ ขาดคนคู่เคียงข้างร้างรอยรัก
โรยรินทักทาบทอถ่อทางไถ
เพียงพบเพื่อพลัดพรากจากจินต์ใจ
เจ็บจางใสสู่สินธุ์สุดสิ้นทรวง

๕ คู่เคียงเคยเชยชมล่มหรือรอด
จากใจจอดทิ้งทวนหวนให้หวง
หมองหม่นไหม้ไร้คู่รู้รักลวง
ขาดคนควงเลยเหงาเจ่าจองจำ

๖ ฤๅรักรอดรักร้างลางล่วงรู้
ขอคอยคู่เคียงคบขบคิดขำ
ร้อยเรื่องราวเรียงรายรักร่ายรำ
โชยชื่นฉ่ำช่อชู้ชูชิดเชยฯ

โดย วิศว(กรรม)กร กลอนชนะเลิศประกวดบ้านกลอนไทย เดือน ก.ย.2554

เป็นไออุ่นกรุ่นซบตลบตระหนัก เอิบอบอวลล้วนรักสลักเสลา

เป็นไออุ่นกรุ่นซบตลบตระหนัก
เอิบอบอวลล้วนรักสลักเสลา
พร่างประไพไออิ่มพรมพริ้มเพรา
ลิ่วสล้างบางเบา ดุจบรรณบิน

ดั่งโลกเอื้อมเลื่อมเรื่อโอบเอื้ออ่อน
สีทันดรผ่อนศิริรอบศิขิน
แม้สุเมรุเอนราบลงทาบดิน
ก็หาสิ้นกลิ่นไกลจากไอเดิม

ขอกุศลผลพลอยแต่น้อยนิด
กับสฤษฎ์นิมิตหนุนเศษบุญเสริม
แม้ธุลีคลี่ขวางจะห่างเติม
มิอาจเพิ่มเพียงยั้งก็ยังดี

อย่าเหือดไร้ไห้โรยระโหยโลก
ร่ายโศรกโศกเนืองเป็นเมืองผี
ทาบหม่นเทาเศร้าทบกลบขจี
เหมือดชีวิตปลิดพลี บนเพลงพาล

แล้วจะอยู่อย่างไรใจมนุษย์
เมื่อไออุ่นสุญสุด สิ้นประสาน
ก็รักหายวายนั้นแต่วันวาน
บนเกลียดชังฉาบฉานวิญญาณชน

แหละเมื่อรักเลิศหลากเกิดจากให้
ชังกลับใช้ใจหวงบนห้วงผล
จะยอมร้อนรนเร่าเศร้าทุรน
หรือเอมอุ่นอาบอลบนใจรัก ฯ

(พรายม่าน:กลอนชนะเลิศ เดือน มิ.ย.54)

ดาวลวง

๐๐ราตรีที่เนิ่นนานรัตติกาลที่ยาวไกล
ฉุดลากกระชากใจให้หวั่นไหวในเอกา
น้ำตาเริ่มท่วมท้นความหมองหม่นยลเยือนหา
อ้างว้างค้างดวงหน้าดั่งเมฆาพร่าดวงเดือน

๐๐ยามร้างห่างไกลรักอกกระอักจักย้ำเตือน
ตอกซ้ำความปนเปื้อนกระจายเกลื่อนเคลื่อนในทรวง
ความท้อความถดถอยทีละน้อยค่อยคืบล่วง
ให้รักหักทั้งดวงเช่นสายบ่วงควงบาดคา

๐๐มองดาวเหมาทึกทักว่าเราจักเอื้อมไขว่คว้า
แท้จริงสิ่งลวงตาแค่มายาล่อลวงจินต์
ทำได้เพียงแค่มองกับเสียงร้องก้องถวิล
ยามใจใกล้ดับสิ้นไร้แม้กลิ่นรักอาวรณ์

๐๐สุดท้ายเหลือเพียงฝันเฝ้ารำพันปั้นหลอกหลอน
ขาดทรวงห่วงอาทรพาริดรอนก่อนจากจาง
ฝากดาวแลเดือนจ้าเก็บน้ำตาคราอ้างว้าง
ให้คนเคยเคียงข้างที่ทิ้งขว้างอย่างเย็นชา....
(เมฆา :klonthaiclub.com)

กาพย์ยานี 11 กลอนวันแม่

สองมือเลี้ยงลูกมา หวังแค่ว่าเป็นคนดี
สองมือที่คอยตี อยากให้ดีอยากให้จำ
สองมือที่ส่งเสีย ให้ได้เรียนมีงานทำ
สองมือที่เฝ้าค้ำ ลูกจะจำจะใส่ใจ

รักแม่เท่ากับฟ้า รักยิ่งกว่าการบินไทย
รักแม่สุดหัวใจ ไม่มีใครมาเทียบได้
รักแม่กว่าชีวิต ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนใจ
รักแม่กว่าใครๆ ทั้งหัวใจมอบให้แม่
(Justin: http://poem.meemodel.com)